ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 American Society for Bone and Mineral Research (ASBMR), American Association of Clinical Endocrinologists (AACE), Endocrine Society, European Calcified Tissue Society (ECTS) และ National Osteoporosis Foundation (NOF) ร่วมกันออก ซึ่งเป็นข้อคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ มีเนื้อหาโดยย่อ ดังต่อไปนี้
- ยารักษาโรคกระดูกพรุนไม่มีหลักฐานว่าเพิ่มโอกาสติดเชื้อหรือเพิ่มความรุนแรงของ COVID-19 จึงควรรับประทาน/ฉีดยาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในผู้ที่ได้ estrogen หรือ raloxifene ให้ระวัง hypercoagulable complication ที่มักพบบ่อยในผู้ติดเชื้อ COVID-19
- เพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่อง social distancing อาจพิจารณาไม่เจาะเลือดก่อนให้ IV bisphosphonate หรือ denosumab เช่น calcium, 25-hydroxyvitamin D, creatinine ได้ ถ้าผลการตรวจก่อนหน้านี้ปกติและอยู่ในวิจารณญาณของแพทย์ว่าผู้ป่วยมีภาวะสุขภาพที่คงที่ ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีค่าไตแกว่งสูงง่ายหรือมีความเสี่ยงต่อ hypocalcemia เช่น โรค malabsorption, hypoparathyroidism, chronic kidney disease stage 4-5, ได้รับ loop diuretics
- ในผู้ที่ได้รับยา denosumab ที่ไม่สามารถมารับยาได้ภายใน 7 เดือนหลังได้ยาเข็มสุดท้าย อาจพิจารณาเปลี่ยนยาเป็น oral bisphosphonate สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง (eGFR) levels < 30-35 mL/min ให้พิจารณาให้ยา oral bisphosphonate แบบ low dose เช่น alendronate 70 mg every 2 weeks (off-label regimen)
- ในผู้ที่ได้รับยา teriparatide ที่ขาดยาเกิน 2-3 เดือน อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็น oral bisphosphonate ชั่วคราว
- ในผู้ที่ได้รับ IV bisphosphonate ที่ไม่สามารถมารับยาได้ตามกำหนด อาจเลื่อนการมารับยาได้
คำแนะนำนี้เป็นไปตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพราะหลักฐานอ้างอิงต่างๆ มีอยู่จำกัด แต่เพื่อให้การรักษาโรคกระดูกพรุนเป็นไปได้ต่อเนื่อง ขอให้แพทย์ได้โปรดใช้วิจารณญาณและศิลปะทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างดีที่สุดแม้จะมีข้อจำกัดหลายประการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่